วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device)

        Input หมายถึง การป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการประมวลผล โดย User จะเป็นผู้ป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่อง (input) และเครื่องจะนำไปประมวลผลเป็นข่าวสาร ซึ่งอุปกรณ์ในการนำเข้าข้อมูลมาตรฐาน ได้แก่ Keyboard, Mouse และ Scanner
1. Keyboard 
จะสร้างสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์แปลงเป็นตัวอักษรคล้ายกับเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งKeyboard จัดเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องในแต่ละอุตสาหกรรมอาจมี Keyboard ที่มีลักษณะเฉพาะเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งาน
   ลักษณะการทำงานของ Keyboard
ใช้ Keyboard controller เป็นตัวรับข้อมูลว่าปุ่มใด (Key) ถูกกดและจะทำการแปลงสัญญาณเพื่อส่งต่อไปยังส่วนหนึ่งใน Keyboard buffer เพื่อบันทึกว่า Key ใดถูกกดและ Keyboard controller จะส่งไปยัง System Software ปัจจุบันมีทั้ง Keyboard แบบปกติที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไปและ Keyboard แบบพิเศษที่มีรูปทรงที่แปลกตา






    Keyboard แบบพิเศษที่มีรูปทรงที่แปลกตา
 
- Ergonomic keyboards
ถูกออกแบบให้ลดการตึง เกร็ง การเคล็ดของข้อมือ  ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากคุณต้องพิมพ์งานเป็นเวลานานๆ โดย Ergonomic keyboards ถูกออกแบบให้มีตำแหน่งการวางข้อมือและแขนเป็นพิเศษ




2. Mouse  
ใช้ในการเลื่อนตำแหน่งของตัวชี้ (Pointer) บนหน้าจอ โดยการขยับ Mouse เลื่อนไปมาบนโต๊ะที่มีพื้นเรียบ ซึ่งการขยับ Mouse แต่ละครั้งจะสัมพันธ์กับตำแหน่งของ Pointer บนหน้าจอ และรับคำสั่งเมื่อมีการกดปุ่มของ Mouse (click)

ประเภทของ Mouse แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบสากลและแบบใช้แสง
 - แบบทางกล เป็นแบบที่ใช้ลูกกลิ้งกลม เมื่อเลื่อน Mouse ไปในทิศทางใดจะทำให้ลูกกลิ้งเคลื่อนไปมาในทิศทางนั้น ลูกกลิ้งจะทำให้กลไกซึ่งทำหน้าที่ปรับแกนหมุนในแกน X และแกน Y แล้วส่งผลไปเลื่อนตำแหน่งตัวชี้บนจอภาพ Mouse แบบทางกลนี้มีโครงสร้างที่ออกแบบได้ง่าย มีรูปร่างพอเหมาะมือ ส่วนลูกกลิ้งจะต้องออกแบบให้กลิ้งได้ง่ายและไม่ลื่นไถล  สามารถควบคุมความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง  ได้แก่
      
       Ball Mouse มีชนิดที่เป็น Ball อยู่ในแนวตั้งและแนวนอน Mouse แบบ Ball การใช้งานต้องเลื่อน Mouse ยัง แกนต่างๆ บนหน้าจอเพื่อเลือก หรือยกเลิกโปรแกรมที่ทำงานอยู่

       Wireless Mouse เป็น Mouse ที่มีการทำงานเหมือน Mouse ทั่วไปเพียงแต่ไม่มีการใช้สายไฟต่อออกมาจากตัว Mouse ซึ่งเมาส์ชนิดนี้จะมีตัวรับและตัวส่งสัญญาณซึ่งทางด้านตัวรับสัญญาณอาจจะเป็นแบบ USB





       Mouse Macintosh เป็น Mouse ที่ใช้เฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh ซึ่งเป็น Mouse ที่ไม่มี wheel และปุ่มคลิก ก็มีเพียงปุ่มเดียวแต่สามารถใช้งานได้ครอบคลุมทุกหน้าที่การทำงาน ซึ่งทางบริษัท Apple ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่อง Macintosh เท่านั้น






- แบบใช้แสง อาศัยหลักการส่งแสงจาก Mouse ลงไปบนแผ่นรอง Mouse (mouse pad) เช่น           
      
        Optical Mouse   เป็น Mouse ชนิดใช้แสงซึ่งปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิต Mouse ชนิดนี้ได้เพิ่มให้มีความสวยงามต่างๆ กันไป เช่น ใส่แสงให้กับ wheel หรือไม่ก็ออกแบบให้มีแสงสว่างทั้งตัว Mouse แต่หน้าที่การทำงานก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก Ball Mouse  การทำงานของ Optical Mouse จะมี 2 แกน วางอยู่เป็นมุมฉากข้างลูกบอล ซึ่งแกนดังกล่าวจะเป็นแกนหมุนสัมผัสกับลูกบอลและจะหมุนเมื่อลูกบอลเคลื่อนที่ ตัวดักสัญญาณจะส่งข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ทราบว่าแกนหมุน หมุนไปมากน้อยแค่ไหนเพื่อให้คอมพิวเตอร์แปลงสัญญาณและเลื่อนตำแหน่งให้สอดคล้องกับ Mouse






       Trackball มีลักษณะคล้ายกับ Mouse แต่ไม่มีแกนบังคับ ใช้การหมุนลูกบอลในการทำงาน ส่วนมากใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ Laptop ทำงานโดยการหมุนลูกบอลโดยตรง เพื่อให้ Cursor เลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ





       Joystick มีด้ามสั้นๆ ให้จับ ควบคุมการเคลื่อนที่ของ Pointer โดยใช้การกดไกปืนเพื่อทำงาน



       Touchpad มีรูปทรง 4 เหลี่ยม ใช้การกดและรับความไวของการเคาะ มีเสียงในการกดเคาะ (เหมือนการ Click) สามารถเลื่อน pointer ได้โดยการลูบในพื้นที่ 4 เหลี่ยม การเลื่อน Cursor จะอาศัยนิ้วมือกดและเลื่อน เป็นอุปกรณ์ทีติดอยู่กับ Notebook





       Pointing stick เป็นลูกทรงกลมเล็กๆ ไวต่อการกดวางอยู่กึ่งกลาง Keyboard ใช้การหมุนเพื่อควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของ pointer




      Graphics tablet ใช้ปากกาควบคุมการย้ายตำแหน่ง วางอยู่บนกระดาน (Board) ส่วนมากใช้สร้างแผนงานหรือวาดบทย่อหรืบทสรุปต่างๆ


       Digitizer เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเขียนแบบ ที่เราเรียกว่า “Digitizing tablet” ขนาดของตารางจะแตกต่างกัน ตารางจะมีการเชื่อมต่อสายเคเบิลเข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อให้มีการวาดภาพบนตาราง ตัวชี้บนตารางเราเรียกว่า Grid เพื่อกําหนดตําแหน่งในการป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์



       Touch screen จอสัมผัสเป็นได้ทั้งอุปกรณ์ Input และ Output ใช้นิ้วมือสัมผัสบนหน้าจอ จากนั้นจอภาพจะพิจารณากลุ่มข้อมูลที่ Input เข้าสู่ระบบ ส่วนมากใช้ในสถานที่ใหญ่ๆ ที่มีคนจำนวนมากๆ เช่น ตู้ ATM แบบ Touch screen ไปวางในห้างสรรพสินค้า การทำงานของ Touch screen จะใช้ Membrane layer ทำหน้าที่ตรวจสอบการถูกกดบนตำแหน่งหน้าจอ
    
   
    
Pen-based computing ใช้ปากกาแสง (Light Pen) ในการนำเข้าข้อมูลพบในเครื่อง PDA และ Pocket PC การทำงานสามารถรับข้อมูลโดยการใช้ปากกาอิเล็กทรอนิกส์เขียนลงบนหน้าจอของ PDA หรือ Pocket PC ซึ่งหน้าจอถูกออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์นี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งรับรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวโดยใช้ความไวแสงเพื่อกําหนดตําแหน่งที่ชี้บนจอภาพ บอกได้ว่ากำลังเขียนตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ใด สามารถอ่านลายเซ็นได้




3. Scanner 
คืออุปกรณ์จับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของแอนาล็อคเป็นดิจิตอลซึ่งคอมพิวเตอร์สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาดหรือแม้แต่วัตถุสามมิติ

สแกนเนอร์แบ่งเป็น 3 ประเภท
       3.1 สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อยๆ เลื่อนหน้ากระดาษแผ่นนั้นให้ผ่านหัวสแกน สแกนเนอร์แบบเลื่อนกระดาษสามารถอ่านภาพที่เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถอ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้

         3.2 สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้ายๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เราแค่วางหนังสือหรือภาพไว้ บนแผ่นกระจกใส สแกนเนอร์แบบแท่นนอนแม้ว่าอ่านภาพจากหนังสือได้ แต่กลไกภายในต้องใช้ การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น ทำให้ภาพมีคุณภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับแบบแรก



         3.3 สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้ผู้ใช้ต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไปบนหนังสือหรือรูปภาพเอง สแกนเนอร์แบบมือถือได้รวมเอาข้อดีของสแกนเนอร์ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกันและมีราคาถูก เพราะกลไกที่ใช้ไม่สลับซับซ้อน แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ว่าภาพที่ได้จะมีคุณภาพแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของผู้ใช้งาน นอกจากนี้หัวสแกนเนอร์แบบนี้ยังมีหัวสแกนที่มีขนาดสั้นทำให้อ่านภาพบนหน้าหนังสือขนาดใหญ่ได้ไม่ครบ




            ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์หลายตัวที่ใช้กับสแกนเนอร์แบบมือถือ  เช่น      
      เครื่องอ่านรหัสบาร์โค๊ด (Bar Code Readers)  เป็นอุปกรณ์ที่นํามาใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ในการประยุกต์ใช้งานทางด้านธุรกิจ เช่น อ่านป้ายบอกราคาสินค้า


   


อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Devices)

      เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการแปลงข้อมูลผลลัพธ์ที่คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผลให้อยู่ในรูปที่มนุษย์ สามารถเข้าใจได้ ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบของ ตัวอักษร รูปภาพ หรือ กราฟ แสดงออกให้ผู้ใช้เห็นผ่านออกทางอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ต่างๆ ที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
-  อุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์ในรูปแบบถาวร เช่น เครื่องพิมพ์
-  อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ชั่วคราว เช่น จอภาพ

1. เครื่องพิมพ์ (Printer)
     เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่แปลงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปแบบของอักขระ และรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ สามารถแบ่งออกตามลักษณะวิธีการพิมพ์ได้เป็น 2 ประเภท คือ
       1.1 เครื่องพิมพ์ชนิดตอกกระทบ (Impact Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่จะต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องพิมพ์ตอกกระทบผ่านผ้าหมึกไปกระทบกับกระดาษเพื่อให้เกิดเป็นตัวอักษร หรือ รูปภาพบนกระดาษเครื่องพิมพ์ที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ได้แก่
             เครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์ (Dot Matrix Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคาและคุณภาพการพิมพ์นั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์นี้ใช้หลักการสร้างจุดลงบนกระดาษ โดยตรงส่วนหัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์นี้จะมีลักษณะเป็นหัวเข็ม (Pin) โดยจะมีอยู่ 2 ชนิดคือ
     -  เครื่องพิมพ์ชนิดมีเข็มพิมพ์ 9 เข็ม
      -  เครื่องพิมพ์ชนิดมีเข็มพิมพ์ 24 เข็ม
คุณภาพในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์ ประเภทนี้จะแบ่งออกได้เป็น
     -  การพิมพ์แบบร่าง (Draft  Mode) เป็นการพิมพ์ด้วยความเร็วสูงสุดแต่คุณภาพของข้อมูลจะแย่ที่สุดเพราะข้อมูลที่พิมพ์ออกมามีความคมชัดน้อย
     -  การพิมพ์แบบคุณภาพใกล้เคียงกับตัวพิมพ์ดีด (Near Letter Quality: NLQ) การพิมพ์แบบนี้ตัวอักษรจะถูกพิมพ์ซ้ำสองครั้งแต่ตำแหน่งของหัวเข็มจะเยื้องกันเล็กน้อย ทำให้ตัวอักษรที่ได้คมชัดและสวยงามใกล้เคียงกับตัวอักษรที่ได้จากเครื่องพิมพ์ดีดมีความคมชัดมากกว่า Draft Mode
    -  การพิมพ์แบบคุณภาพเหมือนตัวพิมพ์ดีด (Letter Quality: LQ) ข้อมูลที่พิมพ์ออกมานั้นมีความชัดเจนและคมชัด เหมือนกับพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดแต่การพิมพ์ด้วยคุณภาพนี้ก็จะต้องใช้เวลาในการพิมพ์มากที่สุดเช่นกัน
        ความเร็วในการพิมพ์ข้อมูลของเครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์นี้มีหน่วยวัดเป็นตัวอักษรต่อวินาที เครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์จะมีอยู่สองขนาดคือ ขนาดแคร่สั้นและแคร่ยาวเครื่องพิมพ์แคร่สั้นจะใช้กับกระดาษที่มีความกว้าง 8 ½  X 11 นิ้วโดยอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเครื่องพิมพ์ชนิด 80 ตัวอักษรเพราะสามารถพิมพ์ตัวอักษรจากซ้ายไปขวาสุดได้ 80 ตัวอักษรพอดี ส่วนเครื่องพิมพ์แคร่ยาวจะใช้กับกระดาษที่ความกว้าง 14 นิ้ว โดยจะสามารถพิมพ์ได้ 132 ตัวอักษร



          เครื่องพิมพ์เดซีวิว (Daisy Wheel Printer ) มีลักษณะการทำงานเหมือนกับเครื่องพิมพ์ดีดสมัยก่อน หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นแผ่นจากกลมๆ ที่มีก้านพิมพ์ยื่นออกไปเป็นแฉกๆ รอบดุมของแผ่นจานตรงกลาง ตรงส่วนปลายของก้านพิมพ์จะมีแม่พิมพ์ของตัวอักษรอยู่ เมื่อต้องการพิมพ์ตัวอักษรใดคอมพิวเตอร์ก็จะส่งสัญญาณไปที่เครื่องพิมพ์ให้หมุนจานเลื่อนเอาก้านพิมพ์ของตัวอักษรดังกล่าวไปวางไว้เหนือผ้าหมึกเมื่อตรอกกระแทกแม่พิมพ์นั้นลงไปบนกระดาษ เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ทำงานช้ากว่าเครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์มาก และมีเสียงดังจนกระทั่งต้องหากล่องเก็บเสียงมาครอบเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ไว้ และที่สำคัญเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ไม่สามารถพิมพ์งานกราฟิกได้



 เครื่องพิมพ์หัวดรัม (Drum Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีลูกกลิ้งที่เรียกว่า ดรัม (Drum) โดยบนดรัมนั้นจะมีแถวอักษรที่ทำเป็นตัวนูนไว้ แต่ละแถวจะเป็นตัวอักษรเดียวกันหมด เมื่อต้องการพิมพ์ตัวอักษรตัวใดลงบนกระดาษ คอมพิวเตอร์จะส่งสัญญาณไปยังเครื่องพิมพ์ให้หมุนดรัมเอาแถวของตัวอักษรดังกล่าวมาอยู่เหนือผ้าหมึก จากนั้นถ้ามีตัวอักษรดังกล่าวอยู่จุดใดในบรรทัดนั้นหัวค้อนที่อยู่ตรงจุดดังกล่าวจะตอกกระดาษให้ไปกระทบกับตัวอักษรทุกตำแหน่งที่ตัวอักษรนั้นควรจะอยู่ ดังนั้น ดรัมหมุนครบ 1 รอบ ก็จะได้ข้อมูลครบท้วน จึงจัดเครื่องพิมพ์ชนิดนี้เป็นเครื่องพิมพ์ทีละบรรทัด (Line Printer) ที่มีหน่วยวัดความเร็วในการพิมพ์เป็น LNM  ข้อเสียของเครื่องพิมพ์หัวดรัมนี้เหมือนกับเครื่องพิมพ์เดซีวิว คือ ไม่สามารถพิมพ์งานกราฟิกได้ และไม่สามารถเลือกรูปแบบของตัวอักษรที่ใช้พิมพ์ได้ ถ้าต้องการเปลี่ยนรูปแบบอักษรก็ต้องเปลี่ยนดรัมไปเรย



       1.2 เครื่องพิมพ์ชนิดไม่ตอกกระทบ (Non-impact Printer)  เป็นเครื่องพิมพ์ที่ไม่จำเป็นต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องพิมพ์ผ่านผ้าหมึกไปกระทบกับกระดาษ ก็สามารถสร้างตัวหนังสือ หรือ รูปภาพบนกระดาษได้เครื่องพิมพ์ชนิดนี้จะไม่ใช้ผ้าหมึกในการทำงาน แต่จะมีผงหมึก (Toner) ละเอียดที่ใช้ในการสร้างตัวอักษรและรูปภาพต่างๆ โดยสามารถพิมพ์ได้ทั้งแบบสีเดียว (Monochrome) และแบบสี่สีเหมือนเอกสารสีทั่วไป เช่น
             เครื่องพิมพ์อิ้งก์เจ็ต (Ink Jet Printer)  เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ดีกว่าเครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์มาก โดยจะสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบและขนาดที่แตกต่างกันมากๆ รวมไปถึงพิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์คมชัดกว่าเครื่องพิมพ์ด็อตเมทริกซ์เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์อิ้งก์เจ็ตใช้ในการพิมพ์คือการพ่นหยดหมึกเล็กๆ ไปทีกระดาษ เครื่องพิมพ์อิ๊งก์เจ็ตมีความเร็วที่พิมพ์ประมาน 1-4 หน้าต่อนาที จึงจัดเป็นเครื่องพิมพ์แบบพิมพ์ทีละหน้า (Page Printer) โดยมีหน่วยวัดความเร็วในการพิมพ์เป็น PPM (Pages Per  Minute)



            เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์อิ๊งก์เจ็ต แต่สามารถพิมพ์เลเซอร์สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาด รวมทั้งสามารถพิมพ์งานกราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องพิมพ์เลเซอร์จะใช้แถบ Photoconductor belt ที่สามารถใช้แสงเพื่อทำให้เกิดสำเนาของภาพที่ต้องการพิมพ์ลงบนกระดาษ หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPM เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์อิ้งก์เจ็ต




            เครื่องพล็อตเตอร์ (Plotter) เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดพิเศษอย่างหนึ่งที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษ เหมาะสำหรับงานเกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม เครื่องพล็อตเตอร์จะทำงานโดยใช้วิธีการเลื่อนแผ่นกระดาษไปตามความยาวในขณะที่หัวปากกาจะเลื่อนไปตามความกว้างของกระดาษ ปากกาที่ใช้นั้นสามารถมีได้ 6-8 สี ส่วนความเร็วในการทำงานของเครื่องพล็อตเตอร์นั้นมีหน่วยวัดเป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Second: IPS)




2. จอภาพ (Monitor)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลลัพธ์ในรูปแบบถาวร หมายถึง จะมีการพิมพ์ออกทางกระดาษที่สามารถเก็บไว้เป็นหลักฐานในการทำงานได้ แต่จอภาพจะเป็นอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ในรูปแบบชั่วคราวที่สามารถให้ผู้ใช้เห็นลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว
      ประเภทของจอภาพ   มีอยู่ 2 ประเภท คือ
          จอภาพแบบ CRT เป็นจอที่ใช้หลอดภาพยิงแสงและรังสีออกมาแสดงเป็นภาพ จอประเภทนี้ได้รับความนิยมมานาน เพราะมีราคาถูกและมีความชัดเจนเพียงพอแต่ปัญหาของจอภาพแบบ CRT ก็คือ ต้องการพื้นที่ใช้งานค่อนข้างมาก เพราะมีขนาดใหญ่และปัญหาเกี่ยวกับรังสีจากจอภาพหากมีการติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จอภาพแบบ CRT นี้ในปัจจุบันยังแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
- จอ CRT แบบธรรมดา เป็นจอภาพ CRT แบบที่เห็นกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน มีราคาถูกที่สุด พื้นที่ของหน้าจอมีลักษณะโค้งแบน แต่ไม่แบนราบและมีการปรับหน้าจอให้มีลักษณะเกือบแบนแบบหลอกตา เพื่อให้การมองภาพดูสะดวกมากขึ้น


- จอ CRT แบบ Trinitron จอ CRT แบบ Trinitron พัฒนาโดยบริษัท Sony ซึ่งภาพที่ได้มีความสมจริง สว่าง และถนอมสายตาของผู้ใช้ได้ดีกว่า หน้าจอมีลักษณะแบนราบ ไม่โค้งมากเหมือนกับจอ CRT ปกติ แต่ก็ยังคงมีขนาดใหญ่ เพราะใช้หลอดภาพในการสร้างภาพเหมือนเดิม

จอภาพแบบ LCD จอภาพแบบ LCD (Liquid Crystal Display) มีลักษณะแบนและบาง พื้นที่ในการมองมากกว่าจอแบบ CRT คือถ้าหากมีขนาด 17 นิ้ว จอ LCD จะให้เราดูภาพได้เกือบเต็มขนาดของจอเลยที่เดียว ที่สำคัญจอแบบ LCD ไม่มีการแผ่รังสีออกมาจึงดูสบายตาสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน และไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อพวกแผ่นกรองรังสีมาใช้ให้ดูเกะกะ อีกทั้งขนาดของจอจะไม่เทอะทะ จึงประหยัดพื้นที่ในการวางบนโต๊ะทำงาน แต่เสียตรงที่มีราคาสูงกว่า 2 แบบแรก



องค์ประกอบสำคัญของจอภาพ
1. ขนาดของหน้าจอ หน้าจอแสดงผลของจอมิเตอร์ในปัจจุบัน มีให้เราเลือกจอแสดงผลขนาดใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานของเรา ถ้าทำงานเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ และกราฟิก ก็ควรเลือกจอที่มีขนาดใหญ่หน่อยเพื่อเห็นรายละเอียดของภาพชัดเจนขึ้น
2. ความละเอียดของจอแสดงผล (Resolution) วัดจากความกว้างและความยาวของการแสดงจุดสี (Pixel) บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยิ่งจำนวนจุดสีมากก็ยิ่งทำให้ภาพที่ดูคมชัดมากยิ่งขึ้น โดยจอภาพในปัจจุบันจะบอกถึงความละเอียดสูงสุดในการแสดงผลที่สามารถแสดงได้





คำถามท้ายบท

1. อะไรที่ไม่ใช่อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล
    ก. Scanner           
    ข. Mouse       
     ค. Keyboard       
    ง. Printer     
    จ. CPU

2. Keyboard ที่มีลักษณะพิเศษที่ช่วยลดอาการตึง เกร็ง เคร็ดของข้อมือ เรียกว่าอะไร
    ก. Ergonomic Keyboard      

    ข. Optical Keyboard       
    ค. Macintosh Keyboard    
    ง. Hand-Held Keyboa           
    จ. Smart Keyboard

3. ข้อใดคือ Mouse ประเภทเดียวกัน
    ก. Ball  Mouse , Optical Mouse                          

    ข. Optical Mouse , Wireless Mouse
    ค. Wireless Mouse , Mouse Macintosh             

    ง. Mouse Macintosh , Optical Mouse
    จ. Optical Mouse ,  Wireless Mouse


4. ข้อใดคืออุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์ในรูปแบบถาวร
    ก. Scanner       

    ข. Printer       
    ค. Monitor       
    ง. CPU     
    จ. Mouse

5. ข้อใดคือประเภทของจอภาพทั้งหมด
    ก. CRT , LCD       

    ข. LCD , FED     
    ค. CRT , LKD      
    ง. LCD , LKD      
    จ. LKD , FED






จัดทำโดย
นางสาวจารุวรรณ  สุวรรณรักษ์  เลขที่ 4 
นางสาววิลาวัณย์  บริรักษ์พัฒนกุล  เลขที่ 38 
นักศึกษาโปรแกรมวิชาสารสนเทศศาสตร์ ( มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต)

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อ้างอิง

นัยนา วิบูลย์พันธ์.  (2539).  ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์สำหรับธุรกิจ. 
              กรุงเทพฯ : ธีรพงษ์ การพิมพ์.

พันจันทร์ ธนวัฒนเสถียร และ อัมรินทร์ เพ็ชรกุล.  (2551).  ประกอบอัพเกรดคอมพิวเตอร์.
              กรุงเทพฯ : ซัคเซส มีเดีย.

อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล.  ค้นคืนเมื่อ มิถุนายน 13, 2554, จาก http://www.no-poor.com/in
              ttotocomandcomapp/chapter4-comapp.htm

Mouse.  ค้นคืนเมื่อ มิถุนายน 13, 2554, จาก http://www.bcoms.net/hardware/mouse
              .asp

Scanner.  ค้นคืนเมื่อ มิถุนายน 13, 2554, จาก http://www.sglcomp.com/index.
           php?lay=show&ac=article&Id=376105